ในช่วงวันที่ 28 มีนาคม 2568 ประเทศไทยต้องเผชิญกับเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเมียนมา ส่งผลให้แรงสั่นสะเทือนกระทบถึงกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง หนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายหนักหน่วงคือการพังถล่มของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นเรียกร้องให้มีการระดมกำลังจากทุกภาคส่วนเพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในภารกิจนี้ ทีม K9 USAR (Urban Search and Rescue) และทีมสัตวแพทย์อาสามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการปฏิบัติการSearch and Rescue (SAR) ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบาทความมั่นคงของประสังคมและประเทศไทยในการตอบสนองต่อภัยพิบัติระดับชาติครั้งนี้
K9 USAR: ฮีโร่สี่ขาในภารกิจค้นหา
K9 USAR หรือหน่วยสุนัขกู้ภัยแห่งชาติ เป็นทีมที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษเพื่อปฏิบัติภารกิจในเขตเมือง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่โครงสร้างอาคารพังทลายจากภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว ด้วยประสาทสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นและความคล่องตัว สุนัข K9 สามารถตรวจจับสัญญาณชีพของผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นงานที่เครื่องมือหรือมนุษย์เพียงอย่างเดียวอาจทำได้จำกัด
ในเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม ทีม K9 USAR Thailand นำสุนัขจำนวน 11 ตัว เข้าปฏิบัติการทันทีตั้งแต่วันแรก โดยแบ่งการทำงานเป็น 3 ผลัด ผลัดละ 3-4 ตัว ทำงานต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าน้องๆ สี่ขาจะมีพลังงานเพียงพอในการค้นหา สุนัขเหล่านี้ เช่น K9 นารี, ซาฮาร่า, สีนวล และเคล ได้รับการฝึกฝนให้สามารถระบุตำแหน่งของผู้รอดชีวิตหรือผู้เสียชีวิตได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การที่ K9 นารี ช่วยค้นพบ "แมวดำ" ซึ่งติดอยู่ใต้ซากตึก และนำไปสู่การช่วยเหลืออย่างปลอดภัย สะท้อนถึงความสามารถที่หลากหลายของทีมนี้ ไม่เพียงช่วยมนุษย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบด้วย
นอกจากนี้ K9 USAR ยังทำงานร่วมกับหน่วยอื่นๆ เช่น กรมการสัตว์ทหารบก, กองกำกับการสุนัขตำรวจ และ Thai Volunteer SAR Dog รวมถึง United SAR K9 ซึ่งระดมสุนัขทั้งหมดราว 29 ตัว เพื่อเร่งค้นหาผู้สูญหายกว่า 70-80 ราย ที่คาดว่ายังติดอยู่ใต้ซากอาคาร การแบ่งทีมและหมุนเวียนการทำงานช่วยให้ภารกิจดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยสุนัขแต่ละตัวมีบทบาทในการชี้จุดที่เจ้าหน้าที่มนุษย์สามารถเข้าไปช่วยเหลือต่อได้
ทีมสัตวแพทย์อาสา: ผู้พิทักษ์สุขภาพด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง
ในขณะที่ K9 USAR เป็นด่านหน้าในการค้นหา ทีมสัตวแพทย์อาสาคือกลุ่มผู้กล้าหาญที่มาร่วมภารกิจด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและจิตอาสา โดยไม่เกรงกลัวต่อภารกิจเสี่ยงภัยและฝุ่นพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พวกเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังที่คอยดูแลสุขภาพและความพร้อมของสุนัขกู้ภัยเหล่านี้ ภารกิจในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝุ่น ควัน และซากคอนกรีต เสี่ยงต่อการบาดเจ็บและปัญหาสุขภาพของสุนัข เช่น การหายใจลำบากจากฝุ่นละออง หรือบาดแผลจากการเหยียบวัตถุมีคม ทีมสัตวแพทย์อาสาจึงทุ่มเทในการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและให้การรักษาทันท่วงที
ในเหตุการณ์นี้ ทีมสัตวแพทย์อาสาเข้ามาประเมินความพร้อมของสุนัขทุกตัวหลังปฏิบัติภารกิจ โดยมีการเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาล เช่น ถังออกซิเจนขนาดใหญ่ และยาพ่นสำหรับสุนัขที่มีอาการหอบ ซึ่งปรับใช้จากยาของมนุษย์ภายใต้ความรู้และความชำนาญของพวกเขา ตัวอย่างเช่น วันที่ 30 มีนาคม 2568 มีรายงานว่าสุนัข K9 บางตัวได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ทีมสัตวแพทย์อาสาสามารถดูแลจนกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการพักฟื้นร่างกายให้สุนัข เช่น การนำสุนัข 2 ตัวไปตรวจสุขภาพหลังปฏิบัติงานต่อเนื่องกว่า 3 ชั่วโมงในวันที่ 3 เมษายน 2568 เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะพร้อมสำหรับภารกิจต่อไป
การทำงานร่วมกัน: ความหวังท่ามกลางความสูญเสีย
การผสานงานระหว่าง K9 USAR และทีมสัตวแพทย์อาสาไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา แต่ยังสร้างความหวังให้กับครอบครัวผู้ประสบภัยและสังคมไทย นอกเหนือจากการค้นหาผู้รอดชีวิต สุนัข K9 ยังมีบทบาทเสริมในการเยียวยาจิตใจ โดยเข้าไปคลายความกังวลให้ญาติผู้สูญหาย ด้วยความน่ารักและความทุ่มเทของพวกเขา ภาพที่สุนัข K9 เล่นกับเด็กๆ หรือนั่งข้างญาติผู้ประสบภัยกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งและกำลังใจในยามวิกฤต
เหตุการณ์ตึก สตง. ถล่มเผยให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในระดับชาติ ทีม K9 USAR และสัตวแพทย์อาสาไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปฏิบัติงานภายใต้ความกดดัน แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างมนุษย์และสัตว์ที่ช่วยกันฝ่าฟันวิกฤต ขณะที่ภารกิจยังคงดำเนินต่อไปจนถึงต้นเมษายน 2568 ความทุ่มเทของเหล่าฮีโร่สี่ขาและทีมอาสาเบื้องหลังยังคงเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดของภัยพิบัติครั้งนี้
บทบาทของ K9 USAR และทีมสัตวแพทย์อาสาในภารกิจ Search and Rescue จากเหตุแผ่นดินไหวและการถล่มของตึก สตง. เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานเป็นทีมที่ผสมผสานความสามารถของสุนัขกู้ภัยและจิตวิญญาณแห่งการเสียสละของอาสาสมัครเข้าไว้ด้วยกัน พวกเขาไม่เพียงช่วยชีวิตผู้ประสบภัย แต่ยังเป็นกำลังใจให้สังคมไทยก้าวผ่านความสูญเสียครั้งใหญ่ ด้วยความกล้าหาญและความทุ่มเทของเหล่าฮีโร่ทั้งสี่ขาและสองขา ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความสามัคคีในการรับมือภัยพิบัติระดับชาติอย่างแท้จริง
สัตวแพทย์หญิงบุษยมาศ เจียมวิจิตรกร
ผู้บริหารโรงพยาบาลในเครือเอราวัณ
นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต รุ่นที่ 2 (วปอ.บอ.2 หรือ NDCFL2)