Last updated: 25 มิ.ย. 2568 | 6 จำนวนผู้เข้าชม |
มะเร็งช่องปากในสุนัขเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในสุนัขสูงวัย ซึ่งอาจเริ่มจากก้อนเนื้อเล็กๆ ที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของน้องหมาได้ วันนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษามะเร็งช่องปากในสุนัข ผ่านกรณีตัวอย่าง พร้อมคำแนะนำจากทีมสัตวแพทย์ด้านเนื้องอกและมะเร็ง ที่โรงพยาบาลสัตว์เอราวัณ เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงตระหนักถึงความสำคัญของการตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
เมื่อก้อนเนื้อเล็กๆ กลายเป็นภัยเงียบ
ก้อนเนื้อในช่องปากของสุนัขอาจเริ่มจากขนาดเล็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก้อนเนื้อนี้อาจโตขึ้นเรื่อยๆ และก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด ส่งผลให้น้องหมาน้องกินอาหารได้น้อยลง อ่อนแรง และมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง จากกรณีตัวอย่างของน้องหมาในวัย 5 ปีขึ้นไปที่โรงพยาบาลสัตว์เอราวัณ ทีมสัตวแพทย์พบว่าน้องมีอาการเจ็บปากและกินอาหารลำบาก เมื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การตรวจด้วยเซลล์วิทยา (Cytology) และการตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) พบว่า ก้อนเนื้อดังกล่าวมีเนื้อตาย (Necrosis) และมีแนวโน้มเป็นมะเร็งที่มีความเสี่ยงสูงต่อการลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่นๆ เช่น ปอด หรือตับ
ความเสี่ยงของการปล่อยทิ้งไว้
หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที มะเร็งช่องปากในสุนัขอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การติดเชื้อในช่องปาก หรือการแพร่กระจายของมะเร็ง (Metastasis) ไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งอาจทำให้การรักษยุ่งยากและมีโอกาสสำเร็จน้อยลง โดยเฉพาะในสุนัขสูงวัยที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอลงตามอายุ การวางแผนการรักษาจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายด้าน เช่น อายุ สุขภาพโดยรวม และระยะของมะเร็ง เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดและลดผลกระทบต่อสุนัข
การผ่าตัด: ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
การผ่าตัดเป็นวิธีหลักในการรักษามะเร็งช่องปาก โดยเฉพาะเมื่อก้อนเนื้องอกยังอยู่ในระยะที่สามารถกำจัดได้ อย่างไรก็ตาม ในสุนัขสูงวัย การผ่าตัดต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ทีมศัลยแพทย์ของโรงพยาบาลสัตว์เอราวัณใช้เทคโนโลยีและเทคนิคการผ่าตัดที่แม่นยำ เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของมะเร็ง และลดผลกระทบต่อการทำงานของช่องปาก เช่น การเคี้ยวหรือการกลืน นอกจากนี้ อาจมีการใช้เคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดควบคู่กัน เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของมะเร็ง โดยเฉพาะในกรณีที่มะเร็งเริ่มลุกลามการตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ: กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
การสังเกตความผิดปกติในช่องปากของน้องหมา เช่น ก้อนเนื้อ กลิ่นปากรุนแรง แผลที่ไม่หาย หรืออาการเจ็บปวดขณะกินอาหาร เป็นสิ่งที่เจ้าของควรใส่ใจ หากพบก้อนเนื้อ อย่าปล่อยให้ก้อนนั้นโตขึ้น เพราะมะเร็งสามารถลุกลามได้อย่างรวดเร็ว การนำน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะในสุนัขหรือแมวที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป หรืออยู่ในกลุ่มพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ หรือเยอรมันเชพเพิร์ด จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจพบและรักษาได้ทันท่วงที
โรงพยาบาลสัตว์เอราวัณ: แผนกมะเร็งสัตว์เลี้ยงก้าวหน้า
ที่โรงพยาบาลสัตว์เอราวัณ เราให้บริการครบวงจรสำหรับการวินิจฉัยและรักษามะเร็งในสัตว์เลี้ยง ด้วยทีมสัตวแพทย์มืออาชีพด้านมะเร็งวิทยาและเทคโนโลยีทันสมัย เช่น การตรวจวินิจฉัย การให้เคมีบำบัด และการผ่าตัดเนื้องอก เรามุ่งมั่นดูแลน้องหมาและน้องแมวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด พร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่เจ้าของเกี่ยวกับการดูแลสัตว์เลี้ยงหลังการรักษา เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำและส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว
คำแนะนำสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง
ตรวจสุขภาพประจำปี: นำน้องหมาไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น เพื่อค้นหาความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มแรก
สังเกตอาการผิดปกติ: หากน้องหมามีอาการ เช่น กินอาหารลำบาก มีกลิ่นปากรุนแรง หรือมีก้อนเนื้อในช่องปาก ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
ดูแลสุขภาพช่องปาก: การแปรงฟันและตรวจสุขภาพช่องปากของน้องหมาเป็นประจำ ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพในช่องปาก รวมถึงมะเร็ง
เลือกโรงพยาบาลสัตว์ที่มีสัตวแพทย์ด้านเนื้องอกและมะเร็ง: การรักษามะเร็งต้องอาศัยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
มะเร็งช่องปากในสุนัขเป็นภาวะที่ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อพบก้อนเนื้อที่มีแนวโน้มโตขึ้นหรือก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด การตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ และการรักษาที่เหมาะสม เช่น การผ่าตัดหรือเคมีบำบัด จะช่วยเพิ่มโอกาสที่น้องหมาจะมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ โรงพยาบาลสัตว์เอราวัณพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลน้องหมาน้องแมวของคุณด้วยความเชี่ยวชาญ ติดต่อเราได้ที่ศูนย์มะเร็งก้าวหน้าสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ครบวงจร
เรียบเรียงโดย : น.สพ.ภู ทองอุปการ
สัตวแพทย์ แผนกมะเร็งสัตว์เลี้ยงก้าวหน้า
24 มิ.ย. 2568