Last updated: 30 มิ.ย. 2568 | 97 จำนวนผู้เข้าชม |
งูพิษ เช่น งูเห่า, งูจงอาง, งูเขียวหางไหม้, และ งูสามเหลี่ยม เป็นสัตว์มีพิษที่พบได้ในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่งูมักหนีน้ำท่วมและเข้ามาในบริเวณบ้านหรือสวน สุนัข โดยเฉพาะในวัยเด็กที่มีนิสัยขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็น มักเสี่ยงต่อการถูกงูกัดมากกว่าสัตว์เลี้ยงวัยผู้ใหญ่ เนื่องจากขาดความระมัดระวังและประสบการณ์
พิษของงูมีสองประเภทหลัก ได้แก่:
1. พิษต่อระบบประสาท (Neurotoxic): เช่น พิษจากงูเห่า งูสามเหลี่ยม และงูจงอาง ซึ่งพิษจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง อัมพาต และอาจขัดขวางการหายใจจนถึงขั้นเสียชีวิต
2. พิษต่อระบบเลือด (Hematotoxic): เช่น พิษจากงูเขียวหางไหม้ งูกะปะ และงูแมวเซา ที่พิษจะรบกวนการแข็งตัวของเลือด ทำให้เกิดเลือดออกไม่หยุด อาเจียนเป็นเลือด หรือมีจุดเลือดออกตามร่างกาย
เมื่อสัตว์เลี้ยงถูกงูพิษกัด อาการอาจปรากฏตั้งแต่ 3-12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับชนิดของงูและปริมาณพิษที่ได้รับ หากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลและการรักษาอย่างรวดเร็ว สัตว์เลี้ยงอาจเสียชีวิตได้ภายในเวลาอันสั้น
กรณีตัวอย่าง: น้องสุนัขที่ถูกงูเห่ากัด
ยกตัวอย่างเคสของ สุนัขที่ถูกงูเห่ากัดในบริเวณสวนหลังบ้าน เจ้าของสังเกตเห็นว่าน้องมีอาการปวด บวม และมีรอยเขี้ยวที่ขาหลังขวา ภายในไม่กี่ชั่วโมง น้องเริ่มมีอาการหายใจลำบาก ตัวสั่น และหมดสติ ซึ่งเป็นอาการของพิษงูเห่าที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เจ้าของรีบนำส่งโรงพยาบาลสัตว์ทันที
จากการตรวจร่างกาย สัตวแพทย์พบว่าน้องมีสัญญาณชีพที่ไม่คงที่ อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ และเริ่มมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อ การรักษาเริ่มต้นด้วยการให้ เซรุ่มต้านพิษงูเห่า เพื่อต่อต้านพิษในกระแสเลือด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพิษงูเห่าทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกัด และเกิดภาวะเลือดออกภายใน สัตวแพทย์จึงตัดสินใจทำการ ถ่ายเลือด เพื่อทดแทนเม็ดเลือดที่เสียไปและช่วยประคองอาการของน้อง
การปฐมพยาบาลเมื่อสัตว์เลี้ยงถูกงูกัด
หากคุณสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงถูกงูกัด สิ่งสำคัญคือต้องมีสติและดำเนินการอย่างรวดเร็ว ดังนี้:
1. สังเกตและจดจำลักษณะงู: ถ่ายภาพหรือเก็บซากงู (ถ้าปลอดภัย) เพื่อให้สัตวแพทย์ระบุชนิดของงูได้ ซึ่งจะช่วยในการเลือกเซรุ่มที่เหมาะสม
2. ทำความสะอาดแผล: ล้างบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือเพื่อลดการติดเชื้อ
3. ให้สัตว์เลี้ยงอยู่นิ่ง: ลดการเคลื่อนไหวเพื่อชะลอการแพร่กระจายของพิษในกระแสเลือด
4. ห้ามมัดหรือกรีดแผล: การมัดชะเนาะหรือกรีดแผลอาจทำให้เนื้อเยื่อตายหรือเกิดความเสียหายเพิ่มเติม
5. รีบนำส่งสัตวแพทย์ทันที: โรงพยาบาลสัตว์ที่มีเซรุ่มต้านพิษงู
ข้อควรระวัง: การให้เซรุ่มต้านพิษงูต้องทำโดยสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากสุนัขและแมวสามารถรับเซรุ่มได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต หากฉีดซ้ำอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การรักษาด้วยเซรุ่มและถ่ายเลือด
การรักษาสัตว์เลี้ยงที่ถูกงูพิษกัดมักเริ่มต้นด้วยการให้ เซรุ่มต้านพิษงู ซึ่งต้องเลือกให้ตรงกับชนิดของงูที่กัด เช่น เซรุ่มสำหรับงูเห่าหรืองูเขียวหางไหม้ การให้เซรุ่มจะช่วยยับยั้งพิษในกระแสเลือด แต่ต้องให้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม (ภายใน 2-6 ชั่วโมงหลังถูกกัด ขึ้นอยู่กับชนิดของงู) เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
ในกรณีที่พิษงูทำให้เกิดความเสียหายรุนแรง เช่น ภาวะเลือดออกภายในหรือการสูญเสียเม็ดเลือดแดง สัตวแพทย์อาจพิจารณาให้ ถ่ายเลือด เพื่อทดแทนเลือดที่เสียไปและช่วยให้สัตว์เลี้ยงมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ อาจมีการให้ยาแก้ปวด ยาลดบวม หรือยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อนตามมา
การป้องกัน: ลดความเสี่ยงสัตว์เลี้ยงถูกงูกัด
เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง เจ้าของสามารถทำได้ดังนี้:
ดูแลสภาพแวดล้อม: ตัดแต่งพุ่มไม้ เก็บกองไม้ หรือกำจัดจุดที่งูอาจใช้เป็นที่หลบซ่อน
ปลูกสมุนไพรไล่งู: เช่น ต้นลิ้นมังกร หรือเสลดพังพอน ซึ่งเชื่อว่าช่วยป้องกันงูเข้าบ้าน
ฝึกสัตว์เลี้ยง: สอนให้สัตว์เลี้ยงหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งแปลกปลอม
ระวังในช่วงฤดูฝน: งูมักออกหากินในช่วงนี้ ดังนั้นควรควบคุมสัตว์เลี้ยงไม่ให้วิ่งเล่นในพื้นที่เสี่ยง
ความรักและความใส่ใจช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงได้
การถูกงูกัด โดยเฉพาะจากงูพิษอย่างงูเห่า เป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงและต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว การปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง การรักษาด้วย เซรุ่มต้านพิษงู และในบางกรณี การถ่ายเลือด สามารถช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยงของคุณได้ กรณีของน้องมะพร้าวเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการมีสติ และรีบนำสัตว์เลี้ยงไปพบสัตวแพทย์ทันที เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนควรมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการป้องกัน และการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้สัตว์เลี้ยงแสนรักปลอดภัยจากภัยร้ายจากงูพิษ
ที่ โรงพยาบาลสัตว์เอราวัณ เราพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากสัตว์เลี้ยงของคุณถูกสัตว์มีพิษกัด ด้วยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและ เซรุ่มต้านพิษงู ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับการรักษาที่รวดเร็วและปลอดภัยที่สุด
เรียบเรียงโดย : น.สพ.ณัฏฐกรณ์ วิลัยรัตน์
สัตวแพทย์ แผนกศัลยกรรมเนื้อเยื่ออ่อน, แผนกอายุรกรรมทั่วไป
12 มิ.ย. 2568